วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คำถามดีๆในชีวิต -3- นครนายก เบื้องหน้า เบื้องหลัง

-๓- นครนายก -- เบื้องหน้า เบื้องหลัง
ถ้ามีคนบอกว่า เราเป็นคนมีเบื้องหน้า เบื้องหลัง เราจะต้องโกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือมั้ยเนี๊ยะ เพราะมันเป็นเรื่องจริง
ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ใน เวิร์คช๊อฟนี้จริงๆ งานนี้ก็มีมืออาชีพ ทั้งนั้น ฉันไม่น่าต้องกังวลอะไร น่าจะชิวๆ กับกระบวนการ แต่งานนี้ถือเป็นครั้งแรกของทีมนี้

-เบื้องหลัง เปลือยกระบวนกร-

กระบวนการ 3 วันที่อยู่ร่วมกัน วันแรกๆ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า กำลังกินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ผสมเนื้อสด รสเผ็ดๆ ที่ทำให้สมองมึนชาไปได้
อาประสาทเป็นประเภทเนื้อสด ไม่ต้องถามว่าจะทำอะไร ทำไปทำไม เพราะอะไร ไหลมาแบบสดๆ
ศรชัยที่ฉันเคยร่วมงานด้วยเหมือนหมูตุ๋น วัชระองค์ความรู้เฉียบขาด สร้างสรรกิจกรรม ต้องพูดคุยกันจนตกผลึก
งานนี้ฉันกับน้ำ อยู่ระหว่าง 2 รสชาด แล้วความสดของกระบวนกรหลัก อย่างอาประสาท และหมูตุ๋นอย่างศรชัย ที่น่าจะพูดคุยจนตกผลึก ทำให้ฉันต้องหาเอาเองว่าฉันจะเป็นอะไร เวิร์คชอปนี้ถึงกลมกล่อม
วันแรกของฉันเลยมีอาการเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวที่เนื้อสดเกินไป หมูตุ๋นยังไม่ได้ที่ เผ็ดจนมึน ความเผ็ดนี่ไม่รู้มาจากอาจารย์นิด กับอาจารย์แอน หรือเปล่าที่มีพลังในการพูดคุย เพื่อสร้างสรรงานนี้ให้กับลูกศิษย์อย่างเต็มกำลัง งานนี้หลังกระบวนการวันแรก ฉันเลยสะท้อนว่ายกให้น้ำเป็นกระบวนกรหลักไปเลย น้ำน่าจะรู้ว่า ผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นวัยเดียวกันกับน้ำ ต้องการอะไร และความที่ต้องการปรุงแต่งรสชาด เพราะรู้สึกว่า จะทำอะไรดีวะเนี๊ยะ เลยโยนตัวกวนให้ตัวเองซะอย่างงั้น แล้วเราตอนเป็น นศ.ปี 3 ปี 4 นี่ชีวิตเป็นอย่างไร ต้องการอะไร เผื่อได้คำตอบเด็ดๆ คิดไว้อย่างนั้น

วันที่ 2 ฉันเลยได้ติดเรด้าร์ ฝีมือ อาจารย์หมอระบบประสาท รามา ฝังเข็มบนหัวเพื่อความผ่อนคลาย บางครั้งกระบวนกร ก็ต้องให้ผู้เข้าร่วมทำให้ผ่อนคลายเหมือนกัน
วันนี้ รสชาดก๋วยเตี๋ยว กลมกล่อมขึ้น มีบทพิสูจน์ทางดนตรีเกิดขึ้นว่าเพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้องก็สามารถสื่อสารให้ผู้ฟัง รับรู้เรื่องราวได้
อาประสาทนั่งเล่นกีตาร์ ศรชัยเป่าขลุ่ย เล่นดนตรีนำพาปลุกเด็กน้อยของเหล่าวัยรุ่นที่มาเข้าค่ายครั้งนี้ บรรเลงจบอาประสาท ยิงคำถามสุดฮิตประจำเวิรค์ช๊อฟครั้งนี้ "ฟังแล้ว รู้สึกอย่างไร" มีน้องผู้หญิงบอกเล่าความรู้สึกว่า "ช่วงแรกรู้สึกว่า เหมือนคน 2 คนกำลังคุยกัน ช่วงกลางคน 2 คนก็ตัดพ้อต่อว่ากัน พอสักพักช่วงหลังก็เหมือนคน 2 คนเข้าใจกัน หนูไม่รู้ว่าหนูคิดมากไปหรือเปล่า " แต่ฉันเรียนรู้แล้วว่า ภาษาดนตรีสามารถสื่อสารได้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องมีคำร้องประกอบทำนองประมาณนั้น เพราะฉันก็รู้สึกเหมือนน้องเช่นกัน การตัดพ้อก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่ยังไม่ได้ที่ เนื้อสดก็สดเกินไป แต่วันนี้มันกำลังกลมกล่อมก็เหมือนการเข้ากันได้ดีนั่นเอง

แล้วฉันกับน้ำทำอะไร
น้ำ "พี่นก 2 คนนี้เขาเข้ากันได้ดีน่ะ"
นก "อืม"
น้ำ "เขาบรรเลงไปไกลแล้ว เราคงต้องหยุดคิด แล้วบรรเลงตามเขาไปดีกว่า"
นก "อืม"
จริงอย่างน้ำว่า สิ่งที่อยู่ในหัวของฉันยิ่งน้อยลง ฉันเพียงโยนตัวกวน ลงไปในหมู่กระบวนกรเหลืออยู่ประเด็นเดียวเท่านั้นคือ จงดูแลวาระของผู้เข้าร่วมให้มากที่สุด อย่าเพียงดูวาระของผู้ใหญ่ที่เป็นผู้จัด หรือวาระของกระบวนกรที่พยายามหยิบยื่นสิ่งดีจนเขาไม่ได้สมัครใจจะเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิต กระบวนกรเป็นเพียงผู้นำพาการเรียนรู้ เฝ้าดูสภาวะที่เกิดขึ้น และทิ้งช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญให้มากพอ ฉันอาจเป็นชามก๋วยเตี๋ยว ที่มีน้ำเป็นน้ำซุปที่กลมกล่อม งานนี้จึงลุล่วงเพราะเราเป็นส่วนประกอบที่ครบเครื่องให้เขาได้มีโอกาสกินก๋วยเตี๋ยวใส่ทุกอย่างปรุงรสอย่างที่เขาต้องการอย่างเอร็ดอร่อย แบบที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน (อันนี้โม้นิดหน่อย)

หากเบื้องหน้าของกระบวนกรเป็นการตระเตรียมพื้นที่ และนำพาให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดการเรียนรู้แล้วจะมีประโยชน์อันใดหากหมู่กระบวนกรไม่มีเบื้องหลังคือการเรียนรู้ จากกระบวนการที่เราทำร่วมกันเลย (๕๕๕๕ อันนี้หยอดไว้ออกตัว ขออนุญาตเปลือยเหล่ากระบวนกร)

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คำถามดีๆ ในชีวิต -1- เมืองแพร่ จูนคลื่น

-๑- เมืองแพร่ --จูนคลื่น
ศรชัยบอกว่า เราคงต้องไปคุยงานกันในทีมกระบวนกรก่อนไปทำงาน คงไปอยู่ที่แพร่ น้ำจะเดินทางจากเชียงราย ฉันกับศรชัยเดินทางจากนครสวรรค์ อยู่ร่วมกันสัก 2 คืนที่แพร่ แล้วเดินทางจากแพร่ มาพักนครสวรรค์หนึ่งคืน ก่อนเดินทางไปนครนายกด้วยกัน ดูเป็นการทำงานที่ยาวนานมาก หากเราวัดการเตรียมงานจากระยะทางการเดินทางของพวกเรา ๕๕๕๕๕ จะบอกว่าเตรียมงานกันอย่างดี
วิถีชีวิตที่แพร่ไม่ใช่มีเพียงเรา 4 คนเท่านั้น เรายังมีพี่ตอนภรรยาอาประสาท ต๊กโตลูกชายวัย 9 ขวบของอาประสาท กาฟิวล์ลูกชายวัย 8 ขวบของแอนสถาบันขวัญเมืองเชียงราย ซีซ่าร์ เด็กชายวัย 10 ขวบ ชีวิตวันแรกไม่มีอะไรมาก ไม่มีอะไรมากจริงๆ สำหรับฉัน เช้าตื่นมากิน Breakfast สายหน่อยก็กินข้าว เที่ยงก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยว เย็นหน่อยอาประสาทก็ขี่ซาเล้ง มอเตอร์ไซต์มีรถพ่วงข้างๆ ตุเลงๆ พวกเรานก ศรชัย และน้ำเพื่อไปเดินตอนเย็น เดินไปตามถนนที่ราดยางมะตอยเหมือนในเมือง แต่ข้างๆเป็นท้องนา ต้นข้าว ล้อมรอบด้วยทิวเขาและแสงอาทิตย์อ่อนๆยามเย็น มีกองขี่วัวขี่ควายอยู่ริมทางเป็นระยะๆ เย็นวันแรกคงไม่มีอะไรมากไปกว่า การได้รับความรู้สึกผ่อนคลายจากบรรยากาศ และการไม่ได้ทำอะไรของชีวิตที่ห่างหายไปนานในช่วง 2-3 เดือน ที่ผ่านมา
วันที่ 2 เรามีสมาชิกเพิ่มมาอีก 1 คน แบงค์ เด็กชายวัย 5 ขวบ เย็นย่ำวันนั้นการเดินทางเพื่อไปเดิน อาประสาทก็ตุเลงๆ พวกเรา นก น้ำ ศรชัยไปกันด้วยซาเล้งเหมือนเคย แต่พวกเด็กๆ ขี่จักรยาน ไปพี่ตอนขี่จักรยานเป็นผู้นำเด็กๆ ฉันเลยพลอยตื่นเต้นกับ ซีซ่าร์ เด็กชายวัย 10 ขวบที่วันๆ เอาแต่ดูโทรทัศน์ และเล่นเกมส์ พูดเร็วยังกับจรวด พูดไปมีเสียง effect ตูมตามไปด้วยเหมือนเกมส์คอมพิวเตอร์ ซีซ่าร์ หวาดกลัวกับการขี่จักรยานบนถนนใหญ่ คอแข็งไปหมด ขี่ปัดไปปัดมา จะเฉี่ยวโน้นเฉี่ยวนี่ แต่ความกลัวของซีซ่าร์ ก็อาจใกล้เคียงกับความกลัวของฉัน เพราะนั่งลุ้นตามหลังเขาไปตลอดทาง ฉันมองเห็นเรื่องนี้เป็นความกล้าหาญของอาประสาท กับพี่ตอน ที่ให้เด็กๆ ขี่จักรยานบนถนนที่มีรถราวิ่งไปมา สุดท้ายเจ้าแบงค์เด็กน้อยที่จักรยานยังมีล้อพ่วงเล็กๆ ก็ต้องมาเป็นสมาชิกนั่งในรถซาเล้งกับพวกเรา แบงค์สนุกกับการตะโกนเชียร์ไล่หลังพี่ซีซ่าร์ที่ขี่จักรยานอยู่ข้างหน้า เย็นนั้นกองขี้วัว ขี้ควาย ริมถนนมีความหมายมากกว่าทุกวันเมื่อเจ้าแบงค์สร้างสรรว่ากองขี้วัวขี้ควายเป็นหลุมระเบิด สนุกกับการวิ่งเล่นลากจักรยานคันเล็กเพื่อฝ่าหลุมระเบิด กลับมาถึงบ้าน อาประสาทกับพี่ตอนนำพาเด็กๆ เล่นประทัดกัน และนำพาเด็กเข้ากลุ่มเหมือนได้เล่นเกมส์กัน ฉันตื่นเต้นกับเด็กๆ ที่สามารถเล่นเกมเป็นผู้นำพาอย่างเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ ก็ฉันไม่เคยต้องทำตามเด็ก 5 ขวบที่นำพาผู้ใหญ่ให้ทำท่าทางตามที่เขาบอก ตบท้ายค่ำคืนวันที่ 2 ที่วง dialogue เด็กๆ สะท้อนประสบการณ์อันมีค่าของตนเองอย่างที่เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่คาดไม่ถึง เพราะไม่มีคำตอบสำเร็จรูปกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนอย่างแน่นอน ซีซ่าร์เด็กช่างพูด สะท้อนถึงความกล้าหาญของตัวเองในการขี่จักรยานได้ และการได้รับกำลังใจจากรถซาเล้งด้านหลัง แบงค์สะท้อนค่ำคืนที่มีความสุขของตัวเองกับการได้เล่นประทัด สำหรับฉันการเฝ้ารออย่างเนิ่นนานของวง dialogue เพื่อให้เด็ก 5 ขวบสะท้อนความรู้สึก รอยยิ้มของแม่แบงค์ ที่นั่งฟังลูกชายตัวเองสะท้อนความรู้สึก หากเราไม่เห็นเข็มนาฬิกาที่บอกเวลาว่าวิ่งไปเป็นปกติแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนเวลาหยุดลง แม้เนิ่นนานแค่ไหนก็เป็นความสุขที่ดื่มด่ำได้ มีความสุขมาก...รู้สึกหลงรักเด็กเสียแล้ว
๕๕๕๕๕ อยู่กัน 2 วันดูเหมือนคุยงานไม่ถึง ชั่วโมง เลยมั้ง แต่การอยู่ร่วมกันเหมือนเราจูนคลื่นกัน ก่อนทำงานแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คำถามดีๆ ในชีวิต -0- นครสวรรค์ อยู่กับตัวเอง

- 0 - นครสวรรค์ --อยู่กับตัวเอง
ชีวิตคนเรา หากหมั่นถามตัวเอง แม้เป็นคำถามเดียวกัน คำตอบที่ได้อาจต่างกันไปตามกรรมตามวาระ

หากมองกระบวนกรเป็นอาชีพ อาชีพหนึ่งของชีวิต
คงมีคนถามว่า....ทำไมถึงมาเป็นกระบวนกร

ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาในชีวิตมากมาย จนต้องบอกตัวเองว่า ค่อยๆ ทำไปทีละเรื่อง แล้วมันจะคลี่คลายไปเอง

รู้สึกวุ่นวาย จนต้องของดเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งพูดคุยกับเพื่อนๆ ในวง Dialogue ก็ต้องขอตัว รู้สึกเวลาที่เหลือจากความวุ่นวาย ขออยู่กับตัวเอง เป็นสิ่งที่ดีที่สุด การของด...ภาระกิจ แสดงว่าภาระกิจนั้นงดได้ เป็นการจัดการควบคุมได้
จนมาถึงงานหนึ่ง เป็นงานที่นัดกันล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน งาน workshop ของนศ.วิทยาศาสตร์ รามา

ยิ่งใกล้ถึงเวลา ใจก็อยากของด...เหตุการณ์ที่ไม่สามารถจัดการและควบคุมได้เองเกิดขึ้นแล้ว และคำถามสำคัญก็ผุดขึ้นมา
ทำไมถึงมาเป็นกระบวนกร

เดิมทีฉันมักวางงานกระบวนกรไว้สูงมาก สูงส่งจนคิดว่า คนจะเป็นกระบวนกรได้ และเป็นได้ถึงระดับเซียนคือ คนที่ต้องมีสภาวะจิตใจที่มั่นคงพอ จึงจะเป็นผู้นำพาผู้คนในการเรียนรู้ตนเองเป็นกลุ่มได้
จิตใจที่อยากของด เป็นเพียงจิตที่ตัวเองต้องรู้เท่านั้น แต่การเอ่ยปากของดกับ ศรชัย เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ทำไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ภาระกิจส่วนตัวที่ยังยุ่งวุ่นวาย และเหตุผลที่ร้ายที่สุดที่จะของด คือ จิตใจที่วุ่นวายจนไม่สามารถทำงานกระบวนกรได้...

แล้วชีวิตของเราจะพร้อมเสมอเลยหรือ เราสามารถควบคุมจัดการชีวิตได้เสมอหรือ
หรือความไม่พร้อมในสภาวะที่วุ่นวายคราวนี้ เป็นบทเรียน ที่จะฝึกการไปเป็นกระบวนกรในขั้นต่อไป การฝึกการไม่ควบคุม ไม่จัดการ เต้นระบำไปกับจักรวาล จักรวาลจัดสรรแล้ว จงอยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ปัจจุบันเท่านั้น ฉันบอกกับตัวเองแบบนั้น บทเรียนแรกก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับงานนี้