วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กินเหยื่อ หรือเป็นเหยื่อ

การเจริญสติ ทำให้เราเห็นรายละเอียด การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
เห็นทั้งโลกภายใน และโลกภายนอก
การเห็น แม้เป็นครั้งละหนึ่งอารมณ์
แต่ก็เห็นความสัมพันธ์ และการเชื่อมโยง หรือรอยต่อของแต่ละอารมณ์
นั่นคือ จุดดับของอารมณ์หนึ่ง เพื่อไปเกิดในอีกอารมณ์หนึ่ง
การเชื่อมโยงเป็นเรื่องของโลกภายในของเรา
สิ่งที่เห็นอาจเป็น จิต สติ กาย หรือ ความคิดของเราที่เกิดและดับ

เราปฏิเสธไม่ได้ โลกภายนอกก็มีส่วนเกี่ยวพันกับการเกิดการดับโลกภายในของเรา
เราจึงต้องสังเกตุ สังเกตุ และสังเกตุ แยกแยะให้ชัด ให้ละเอียด
ว่าอะไรเกิดขึ้น อะไรเปลี่ยนแปลง ในโลกภายในของเรา
อะไรคือเหตุ กระทบเรา ข้างนอก หรือข้างใน
หากเราเห็นแล้ว เราเข้าใจแล้ว
เราจึงมีโอกาส ได้อบรมสั่งสอนตัวเองเป็นสำคัญ
แก้ไขได้ทั้งข้างนอก และข้างใน มันก็เชื่อมกันอยู่นั่นเอง

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อกล้วยเคยบอกฉันว่า
ให้พิจารณาก่อนพูดว่า คำพูดกระทบผู้อื่นหรือไม่
ฉันจึงระมัดระวังคำพูด ในการพูดหรือกล่าวถึงผู้อื่น
แต่ก่อน ง่ายมากไม่พูดเลย ดูแต่ตัวเอง อาจเป็นการดีอยู่แล้ว
แต่ฉันพบว่า บางเรื่องที่เป็นประโยชน์ เป็นปัญญาในการพัฒนาทั้งตัวเอง และเพื่อน ฉันก็ไม่พูด
บางเรื่องบางราว ที่จะเสียหาย ฉันก็ไม่พูด รอจนเกิดเรื่อง แล้วพูดว่านั่นไง ว่าแล้ว คิดไว้แล้ว..

มีพี่คนหนึ่งบอกฉันว่า เอาภาวนามาเผชิญ อย่าหลบ
ฉันกลับมาดู จริงอยู่ บางเรื่องราวที่ไม่กล่าวไม่พูด เป็นเพราะฉันไม่กล้า
ฉันกลัว การกลับเข้ามากระทบตัวตนของฉัน
ฉันพูดอะไร ก็เป็นมิตร
บางเรื่องฉันเห็นว่าอาจกระทบความสัมพันธ์ ฉันก็ไม่พูด
........
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันคิดว่า ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องฉันเป็นคนกลางทำให้ประสานไมตรี
ฉันก็จะพูดแยกแยะ เชื่อมโยงให้คนอื่นได้เห็น ฉันก็มักเต็มใจจะพูด แบบกล้าๆ ว่าไม่ผิด

การสนทนาจึงเกิด ฉันพูด ผู้ขอ(ภาษาดูดี เรียกโยนตัวกวนให้พูด) และอาจมีคนฟังอื่นๆ อีก
ในแต่ละการสนทนาย่อมมีเรื่องราว มีคนเกี่ยวข้องซึงอาจไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย เป็นบุคคลที่ 3,4, 5
หากฉันพบว่ามีผลสะท้อนกลับมาหาฉัน  ดีหรือไม่ดีก็ช่าง โดยผู้ขอไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
เพราะผู้ขอก็มักจะพอใจสิ่งที่เราพูด เพราะต้องการให้เราพูด ถึงเอาไปพูดต่อก็มาจากขี้ปากเรา
ฉันถือว่าฉันเป็นเหยื่อ
เพราะเหมือนถูกเสี้ยมเขา เป็นควายให้ขวิดคนอื่น

การกล่าวออกจากปากใคร คนนั้นก็รับกรรม รับการกระทำไป
เพราะการพูด การเชื่อมโยง ต้องมีบุคคลอื่นๆ อยู่เสมอ
มีคนพูด คนฟัง คนถูกกล่าวถึงและบริบทสิ่งแวดล้อมมากมายในสถานการณ์หนึ่งๆ
นั่นคือ เบื้องต้น
ท่ามกลาง คือ เรื่องราวและผลที่เกิดขึ้น
และเบื้องปลาย คือ สุดท้ายเราเห็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ขี้เหม็น
เกิดกับเขาก็เกิดกับเราเหมือนกัน เพราะสุดท้ายมันจะไม่มีอะไร มันเอาอะไรกับเรื่องราวนั้นๆ ไม่ได้ ปลายทางตรงนั้นจะต้องไม่มีอะไร
สถานการณ์ แค่เสี้ยวส่วน ที่เกิด ไม่มีถูกไม่มีผิด เพราะในถูกมีผิด ในผิดมีถูก ในดีมีชั่ว ในชั่วมีดี นั่นคือการเชื่อมโยงที่เกิดให้เห็นได้ด้วยตาใน ด้วยใจ ไม่ใช่โวหาร

เดี๋ยวนี้ฉันกล้าขึ้น ฉันเลือกที่จะพูดในสิ่งที่ฉันคิดว่า ควรพูด
แต่ก็บาดเจ็บหลายครั้งจากความกล้า เพราะอาจผิดจากวิสัยเดิมที่เลือกจะไม่พูด

และฉันได้เรียนรู้ว่า ต่อจากนี้

ฉันจะเลือกพูดเฉพาะบุคคลที่ยินยอม และแลกกันด้วยการเห็นอัตตาของกันและกัน 
เพราะเบื้องปลาย เราต้องการเรียนรู้และเข้าใจอัตตาของตนเอง เพื่อละวาง ไม่ใช่ไว้ถือครอง
หากใครไม่พอใจ กรุณาบอกด้วยความกรุณา
หากใครไม่แลก ขออนุญาตไม่พูดถึงบุคคลอื่น เพียงเพื่อประโยชน์ของตน

เราจะต้องกินเหยื่อด้วยกัน
เพราะการเชื่อมโยง เบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลาย อย่างไร ก็เห็นไม่เท่า ไม่เหมือนกัน แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น